วันนี้ชีวจิตอยากให้ทุกคนหันมาเอาใจใส่หัวใจ ด้วยผลไม้สีแดงอย่าง “แอปเปิ้ล” ที่บอกเลย ดีต่อหัวใจแบบสุด ๆ เพราะวันใดที่หัวใจเจ็บป่วย รู้กันใช่มั้ยคะว่าอาจร้ายแรงถึงชีวิตได้ แต่ถ้าเราเริ่มดูแลหัวใจด้วยแอปเปิ้ลเสียตั้งแต่วันนี้ บอกเลยสุขภาพดีก็อยู่ไม่ไกล
คำว่าดีต่อใจในที่นี้ ก็คือดีต่อหัวใจนั่นเอง เพราะแอปเปิ้ลมีสารโพลีฟีนอล ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นในการป้องกันโรคหลอดเลือดและหัวใจ (cardiovascular disease) โดย WHO หรือ องค์การอนามัยโลก รายงานว่า โรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นโรคที่ทำให้คนทั่วโลกเสียชีวิตมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มโรค NCDs (Noncommunicable diseases หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง) คือจำนวนถึง 17.9 ล้านคน หรือคิดเป็น 44% ส่วนในประเทศไทยก็ไม่ได้น้อยกว่ากัน เพราะเป็นโรคที่ติดอยู่ในอันดับ 3 รองลงมาจาก โรคมะเร็ง และโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งจริงๆ เกิดจากสาเหตุใกล้เคียงกันทั้งสิ้น
คำกล่าวนี้มักจะได้ยินมาตั้งแต่ไหนแต่ไรใช่ไหมล่ะคะ ใครได้ยินประโยคนี้น่าจะพอเข้าใจได้ว่า แอปเปิ้ลทำให้เราแข็งแรง มีภูมิต้านทาน ช่วยป้องกันโรคได้นั่นเอง
แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่มักจะได้รับคำแนะนำจากนักโภชนาการและคุณหมออยู่เสมอว่าให้กินเป็นประจำ เรียกได้ว่า ถ้าส่งชื่อเข้าชิงประกวดสาขา ‘ผลไม้เฮลตี้’ แอปเปิ้ลจะติดอยู่ในท้อป 5 แน่นอน ด้วยความที่แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่หาซื้อง่าย ราคาไม่แพง แล้วยังมีสารอาหารมากมายอีกด้วย
ก่อนจะไปรู้จักคำว่าโพลีฟีนอล เรามารู้จักสารสำคัญที่เรียกว่า “ไฟโตนิวเทรียนท์”(phytonutrient) ที่มีชื่อภาษาไทยว่า “สารพฤกษเคมี” กันก่อนเลย
ไฟโตนิวเทรียนท์เป็นสารที่พบในพืชผักผลไม้ 5 สี ถ้าสมัยนี้ยังได้ยินคำว่า “ให้กินผักผลไม้สีเขียว” อยู่ ถือว่าเชยแล้วนะ ! เพราะจริง ๆ แล้ว โภชนาการยุคใหม่อยากให้กินพืชผักผลไม้ให้ครบ 5 สีกันเลยทีเดียว!
โดยเจ้า“ โพลีฟีนอล” นางเอกของเรานี่แหละก็เป็นหนึ่งในไฟโตนิวเทรียนท์ นั่นเองสารพฤกษเคมี โพลีฟีนอล มีคุณสมบัติโดดเด่นในเรื่องของการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ หรือแอนติออกซิแดนท์ (antioxidant) มีฤทธิ์ต้านการอักเสบที่เกิดขึ้นในเซลล์ร่างกาย เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นตัวที่ช่วยต้านความเสื่อมของร่างกาย และป้องกันโรคเรื้อรังต่าง ๆ
โดยสารโพลีฟีนอล มีคุณสมบัติเด่นซึ่งช่วยในการลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังหลายชนิด รวมถึงโรคหัวใจและหลอดเลือด
ผลของโพลีฟีนอลในแอปเปิ้ลต่อหัวใจและระบบหลอดเลือด
-ลดการอักเสบ สารโพลีฟีนอลมีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ โดยการลดการอักเสบในหลอดเลือด
-ลดคอเลสเตอรอล หลายรายงานแสดงให้เห็นว่าสารโพลีฟีนอลสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) และเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลที่ดี (HDL)
-ปรับปรุงการไหลเวียนของเลือด โพลีฟีนอลสามารถช่วยปรับปรุงการทำงานของหลอดเลือด โดยทำให้หลอดเลือดขยายตัวได้ดีขึ้น และช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
-ลดความดันโลหิต มีการศึกษาที่แสดงว่าสารโพลีฟีนอลสามารถลดความดันโลหิต ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคหัวใจ
-ป้องกันการเกิดเกล็ดเลือด โพลีฟีนอลสามารถช่วยลดความช่วยในการจับตัวของเกล็ดเลือด ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือด
การบริโภคอาหารที่มีสารโพลีฟีนอลสูงสามารถช่วยสนับสนุนสุขภาพหัวใจและลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในปี 2018 พบงานวิจัยทางคลีนิคจากคณะแพทย์ศาสตร์ ประเทศออสเตรเลีย ในวารสาร Molecular Nutrition & amp; Food Research ได้ทำการศึกษาสารสำคัญกลุ่มโพลิฟีนอลที่มีฟลาโวนอยด์สูงในแอปเปิ้ลกับอาสาสมัคร 30 คน โดยให้บริโภคแอปเปิ้ลที่มีสารฟลาวานอยด์สูงเทียบกับกลุ่มบริโภคแอปเปิ้ลที่มีสารฟลาโวนอยด์ต่ำ เป็นระยะ 4 สัปดาห์
พบการรายงานผลว่า กลุ่มบริโภคแอปเปิ้ลที่มีสารฟลาวานอยด์สูงมีผลความดันเลือดที่ดีขึ้น ผนังหลอดเลือดยืดหยุ่นเพิ่มมากขึ้นไม่แข็งตัว ลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจและยังมีการเจาะเลือดเพื่อดูปริมาณไฟโตนิวเทรียนต์ในกระแสเลือดพบว่ากลุ่มบริโภคแอปเปิ้ลที่มีสารฟลาวานอยด์สูงมีปริมาณสารเควอซิตินสูงมากขึ้นหลังรับประทานแอปเปิ้ลไป 2 ชั่วโม งและยังคงค่าที่สูงกว่าอีกกลุ่มเมื่อผ่านไป 4 สัปดาห์
ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในปัจจุบัน การบริโภคอาหารที่มีความ “หวาน มัน เค็ม” การรับประทานอาหารไขมันสูง โดยเฉพาะไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์ รวมถึงการมีพฤติกรรมเนือยนิ่ง นั่ง ๆ นอนๆ ไม่ได้ออกกำลังกาย รวมไปถึงความเครียดเรื้อรังก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพ จนนำไปสู่ โรคอ้วน เบาหวาน ความดัน ไขมันฯสูง” ตามมา
เมื่อมีโรคเหล่านี้สะสมนานหลายปี ทำให้สุดท้ายกลายเป็นโรคหัวใจ ในที่สุด
ที่น่าตกใจคือ สมัยนี้โรคเหล่านี้ไม่ได้ไกลตัว หรือเกิดเฉพาะในผู้สูงอายุเท่านั้น แต่พบว่าเกิดในวัยหนุ่มสาว และในคนที่อายุน้อยลงเรื่อย ๆ
การป้องกันโรคหัวใจและโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง จึงควรเริ่มป้องกันตั้งแต่วันนี้ โดยปรับพฤติกรรม เริ่มง่ายๆ จากการขยับเขยื้อนร่างกายมากขึ้น กินอาหารที่สมดุล เลือกอาหารที่มีประโยชน์ บริโภคอาหารที่มีสารอาหารสูง หนึ่งในนั้น คืออาหารที่มี พฤกษเคมีสูงอย่างโพลีฟีนอล ที่อยู่ในผัก ธัญพืช ผลไม้ และน้ำแอปเปิ้ล นอกจากนั้นการจัดการความเครียด เลี่ยงบุหรี่ และ แอลกอฮอล์ และตรวจสุขภาพเป็นประจำและสม่ำเสมอ
การวิจัยเชิงสำรวจ ของ “National Health and Nutrition Examination” ปี 2013–2016 ทำการสำรวจในกลุ่มตัวอย่างอายุ 19 ปีขึ้นไป จำนวน 10,112 คน พบว่าผู้ที่ดื่มน้ำผลไม้ 100% (บริโภคในปริมาณที่ให้สารอาหารเทียบเท่ากับผลไม้สด) มีคะแนน “ Healthy Eating Index” สูงขึ้นถึง 10% เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ไม่บริโภค โดยพบว่าผู้ที่บริโภคน้ำผลไม้ได้รับปริมาณสารอาหาร หลายชนิดที่สูงกว่า เช่น และพลังงาน วิตามินซีและดี แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม
ในการสำรวจกล่าวว่า แม้ในน้ำผลไม้จะมีใยอาหารจะน้อยกว่า แต่ก็ยังได้รับสารอาหารต่างๆใกล้เคียงกับผลไม้สด
องค์การอาหารโลกและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (World Health and Food and Agricultural Organization, FAO) แนะนำให้ประชาชนบริโภคผักและผลไม้ให้ได้วันละ 400 กรัม เนื่องมาจากสารสำคัญในผักและผลไม้นั้นมีฤทธิ์ทางยาที่ช่วยป้องกันโรคและให้อวัยวะต่าง ๆ กลับมาทำงานได้อย่างสมบูรณ์ และเราขอย้ำชัดๆ เลยว่า “แอปเปิ้ล” เป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่อยู่ในกลุ่มอาหารเป็นยา เพราะมากด้วยโพลิฟินอลที่ช่วยลดการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง ลดคอเลสเตอรอล ไขมันในเลือด ลดความดัน ลดภาวะเสี่ยงต่อมะเร็ง ต้านการเป็นโรคอัลไซเมอร์ ต้านทั้งเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ต้านการอักเสบ ต้านภาวะอ้วนลงพุงและโรคเบาหวาน
ต้านได้สารพัดสิ่งแบบนี้ อยากกินกันแล้วใช่มั้ย แต่จะให้กินแอปเปิ้ลทีละหลาย ๆ ลูก คงจะจุก แบบไม่ไหวจะกินอย่างอื่นแน่ เอาเป็นว่า การดื่มน้ำแอปเปิ้ล 100% ก็ได้ประโยชน์แบบเต็ม ๆ ไม่ต่างกับแอปเปิ้ลผล เพราะอุดมไปด้วยวิตามินธรรมชาติและสารสำคัญโพลิฟีนอลสูงงงง…
อย่าลืมนะคะ น้ำแอปเปิ้ล 100% พร้อมดื่ม นอกจากช่วยดับกระหาย ชื่นใจ เป็นแหล่งของวิตามินซีและวิตามินอีที่มีประโยชน์ต่อผิวพรรณ เสริมภูมิคุ้มกัน ให้น้ำตาลในปริมาณที่พอดีแล้ว ยังมีโพลีฟีนอลสูง ช่วยป้องกันโรค จึงนับว่าดีต่อกาย ดีต่อใจ และคุ้มค่ากับราคา หาซื้อง่าย สะดวกสบาย เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้บริโภคที่จะได้ดูแลสุขภาพในทุก ๆ วัน
เมื่อซื้อมาดื่มแล้ว หลังจากเปิดภาชนะก็อย่าลืมใส่ไว้ในตู้เย็น เพื่อช่วยเก็บรักษาคุณภาพไว้ให้นานด้วยนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลโดย
Cookie | Duration | Description |
---|---|---|
cookielawinfo-checkbox-advertisement | 1 year | Set by the GDPR Cookie Consent plugin, this cookie is used to record the user consent for the cookies in the "Advertisement" category . |
cookielawinfo-checkbox-analytics | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Analytics". |
cookielawinfo-checkbox-functional | 11 months | The cookie is set by GDPR cookie consent to record the user consent for the cookies in the category "Functional". |
cookielawinfo-checkbox-necessary | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookies is used to store the user consent for the cookies in the category "Necessary". |
cookielawinfo-checkbox-others | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Other. |
cookielawinfo-checkbox-performance | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Performance". |
CookieLawInfoConsent | 1 year | Records the default button state of the corresponding category & the status of CCPA. It works only in coordination with the primary cookie. |
viewed_cookie_policy | 11 months | The cookie is set by the GDPR Cookie Consent plugin and is used to store whether or not user has consented to the use of cookies. It does not store any personal data. |
Cookie | Duration | Description |
---|---|---|
_ga | 2 years | The _ga cookie, installed by Google Analytics, calculates visitor, session and campaign data and also keeps track of site usage for the site's analytics report. The cookie stores information anonymously and assigns a randomly generated number to recognize unique visitors. |
_ga_019TBDWWZR | 2 years | This cookie is installed by Google Analytics. |